วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

รู้จักส่วนประกอบของเลือด ระบบขนส่งมหัศจรรย์

รู้จักส่วนประกอบของเลือด

ระบบขนส่งมหัศจรรย์ 

💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖

              นักเรียนเคยสงสัยไหมคะว่า เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ผ่านระบบย่อยแล้ว สารอาหารเหล่านั้นสามารถเดินทางไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างไร


                  หากรถบรรทุกมีหน้าที่ขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เลือดในร่างกายของเราก็คงทำหน้าที่ไม่ต่างกัน เพราะเลือดมีหน้าที่ลำเลียงทั้งก๊าซออกซิเจน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สารอาหาร ของเสีย ตลอดจนฮอร์โมน และแอนติบอดีจากระบบภูมิคุ้มกัน ไปยังเซลล์และอวัยวะเป้าหมายต่าง ๆ ทั่วร่างกาย 
         
             นอกจากนี้ เลือดยังช่วยปรับอุณหภูมิภายในร่างกายและสมดุลกรด-เบส ให้อยู่ในภาวะปกติอีกด้วย ดังนั้น เลือดจึงมีความสำคัญต่อารมีชีวิตของมนุษย์อย่างยิ่ง 💖💖💖💖💖💖

           ในร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยเลือดประมาณ 5 ลิตร หรือ 7-8 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว นั่นหมายถึง คนที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะมีเลือดอยู่ 3-4 กิโลกรัมเลยทีเดียว

                           
                         (https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/60781/-scibio-sci-)

ส่วนประกอบของเลือด


            เลือดประกอบด้วยส่วนที่เป็นของเหลว 
เราเรียกว่า น้ำเลือดหรือพลาสมา (Plasma) และของแข็ง ซึ่งเป็นส่วนของเซลล์เม็ดเลือดและเกล็ดเลือด

1. น้ำเลือดหรือพลาสมา (Plasma)
ในเลือดประกอบไปด้วยน้ำเลือดหรือพลาสมา 55 เปอร์เซ็นต์ และใน 55 เปอร์เซ็นต์นี้ก็ประกอบไปด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลืออื่น ๆ เป็นโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ ฮอร์โมน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะถูกลำเลียงไปยังเซลล์และอวัยวะเป้าหมาย จากนั้นพลาสมาจะรับของเสียจากเซลล์ เช่น ยูเรีย เพื่อนำไปกำจัดออกนอกร่างกายต่อไป

2. เซลล์เม็ดเลือด

     2.1 เซลล์เม็ดเลือดแดง (Red Blood Cells, RBCs หรือ Erythrocytes) 

           มีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ต่าง ๆ และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาที่ปอด เซลล์เม็ดเลือดแดงมีลักษณะกลมแบน แต่มีรอยบุ๋มตรงกลางเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนส่งออกซิเจน ไม่มีนิวเคลียสและไมโทคอนเดรีย  ใช้พลังงานจากการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Respiration) 

           เส้นผ่านศูนย์กลางของเซลล์เม็ดเลือดแดงมีขนาด 7 ไมครอน หนา 2.2 ไมครอน ประกอบด้วย 
ฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ 

           ในเลือดจะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงอยู่ 45 เปอร์เซ็นต์ของเลือดทั้งหมด โดยสร้างจากไขกระดูก และมีอายุ 120 วัน หลังจากนั้นจะถูกส่งไปทำลายที่ตับ ม้าม และไขกระดูก

2.2 เซลล์เม็ดเลือดขาว (White Blood Cells, WBCs หรือ Leucocytes) 

         เซลล์เม็ดเลือดขาวมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 ไมครอน มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ มีอายุ 2-14 วัน ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคด้วยวิธีต่าง ๆ กัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

        1) เซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแกรนูล (Granules) อยู่ในไซโตพลาซึม สร้างจากไขกระดูก

        - นิวโทรฟิล (Neutrophil) เป็นเซลล์ที่ย้อมแล้วจะเห็นเป็นสีเทา ๆ มีจำนวน 60-70 เปอร์เซ็นต์ของเม็ดเลือดขาวทั้งหมด ทำหน้าที่ต่อสู้กับแบคทีเรียและเชื้อรา โดยการกินและปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยสลายแบคทีเรียหรือที่เรียกว่า วิธีฟาโกไซโทซิส จากนั้นจะตายไปพร้อมกับแบคทีเรียและกลายสภาพเป็นหนอง

        - อีโอซิโนฟิล (Eosinophil) เป็นเซลล์ที่ย้อมติดสีชมพู มีหน้าที่ป้องกันการแพ้พิษ และต่อสู้กับปรสิตโดยวิธีฟาโกไซโทซิสเช่นเดียวกับนิวโทรฟิล

        - เบโซฟิล (Basophil) เป็นเซลล์ที่ย้อมติดสีน้ำเงิน มีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคโดยการหลั่งสารฮิสตามีน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอักเสบ
       
        2) เซลล์เม็ดเลือดขาวประเภทที่ไม่มีแกรนูลอยู่ในไซโตพลาซึม สร้างจากม้าม ต่อมไทมัส และต่อมน้ำเหลือง

     - ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) มี 2 ชนิดคือ T-cell เจริญและพัฒนาที่ต่อมไทมัส ป้องกันสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคโดยการเข้าปะทะโดยตรง และ B-cell เจริญและพัฒนาที่ไขกระดูก ป้องกันสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคโดยการสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมาต่อต้าน

     - โมโนไซต์ (Monocyte) เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รูปร่างของนิวเคลียสมีลักษณะคล้ายไต กำจัดได้ทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และปรสิต โดยวิธีฟาโกไซโทซิส


3. เกล็ดเลือดหรือเพลตเลต (Platelet)

          มาจากเศษของ Megakaryocytes ที่พบในไขกระดูก ไม่มีนิวเคลียส อายุของเกล็ดเลือดประมาณ 5-9 วัน หลังจากนั้นจะถูกทำลายที่ตับและม้าม เกล็ดเลือดทำหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว โดยการปล่อยสารทรอมโบพลาสตินซึ่งเป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งออกมา ทรอมโบพลาสตินจะไปกระตุ้นโพรทรอมบินให้กลายเป็นทรอมบิน ทรอมบินกระตุ้นไฟบริโนเจนให้กลายเป็นไฟบริน ซึ่งจะรวมตัวสานกันในลักษณะตาข่ายเพื่อปิดบาดแผลไว้


           เลือดของคนมีสีแดง เนื่องจากประกอบด้วย

ฮีโมโกลบินซึ่งเป็นรงควัตถุสีแดงและมีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ โดยความเข้มของสีจะขึ้นกับระดับของออกซิเจน หากออกซิเจนมาก เลือดก็จะมีสีแดงสด หากมีออกซิเจนน้อย เลือดก็จะมีสีคล้ำ แต่สำหรับเลือดของสัตว์อื่น ๆ อาจจะมีสีที่แตกต่างออกไปเป็นสีน้ำเงิน สีเหลือง สีเขียว เป็นต้น เนื่องจากมีรงควัตถุที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเลือดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น หอยทาก หมึก ซึ่งเลือดของมันประกอบด้วย ฮีโมไซยานิน (hemocyanin) ไม่ใช่ฮีโมโกลบินเหมือนกับคน แม้จะทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนเหมือนกัน แต่ฮีโมไซยานินเป็นโปรตีนที่ประกอบไปด้วยโลหะหนักอย่างทองแดง เลือดของมันจึงเป็นสีน้ำเงินเมื่อมีออกซิเจน และจะไม่มีสีเมื่อไม่มีออกซิเจน


 💖💖💖💖💖💖 เป็นอย่างไรกันบ้างคะ  นักเรียนได้รู้จักส่วนประกอบของเลือด ระบบขนส่งมหัศจรรย์กันมากขึ้นแล้วใช่ไหมค่ะ อย่าลืมเข้ามาอ่านทบทวนกันบ่อยๆ นะคะ ชัยชนะเป็นของนักเรียนที่หมั่นฝึกฝนแน่นอนค่ะ สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

เรียนรู้ระบบหมุนเวียนโลหิตจากเพลง

เรียนรู้ระบบหมุนเวียนโลหิตจากเพลง




ทบทวนก่อนสอบกลางภาค (ต่อ)

ทบทวนก่อนสอบกลางภาค (ต่อ)


💚 การย่อยอาหารของราเป็นแบบปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยอาหารนอกเซลล์ ส่วนอะมีบาย่อยอาหารโดยใช้ฟูดแวคิวโอล

💚 ฟองน้ำไม่มีทางเดินอาหารแต่จะมีเซลล์พิเศษทำหน้าที่จับอาหารเข้าสู่เซลล์แล้วย่อยภายในเซลล์ โดยเอนไซม์ในไลโซโซม

💚 ไส้เดือนดิน กบ มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์

💚 เข็มพิษที่พบในไฮดราทำหน้าที่ทำร้ายเหยื่อ ส่วนหนวดไฮดราทำหน้าที่จับเหยื่อ

💚 แกสโทรเดอร์มิสประกอบด้วย เซลล์ต่อม และเซลล์ย่อยอาหาร

💚 การบดเคี้ยวจัดเป็นการย่อยแบบการย่อยเชิงกล

💚 การบีบตัวของทางเดินอาหารเป็นการย่อยแบบการย่อยเชิงกล

💚 การย่อยทางเคมีต้องใช้น้ำย่อยหรือเอนไซม์เข้าร่วมปฏิกิริยา

💚 เกลือแร่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง

💚 อะไมเลสย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลมอลโทส

💚 เพปซินย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์

💚 ปลาจำเป็นต้องมีวิธีการพิเศษที่จะนำเอาออกซิเจนเข้าไปในร่างกายให้เพียงพอเนื่องจากออกซิเจนละลายได้น้อยในน้ำอุ่นและน้ำเค็ม

💚 ปัจจัยสำคัญในการแลกเปลี่ยนแก๊สระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ คือ พื้นที่ผิวสำหรับแลกเปลี่ยนแก๊สต้องบาง และ พื้นที่ผิวสำหรับแลกเปลี่ยนแก๊สต้องมีลักษณะเปียกชื้น

💚 อวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊สของสัตว์น้ำ ส่วนใหญ่คือ Gills

💚 ปอดแผงพบในแมงมุม

💚 โครงสร้างของปอดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมีความคล้ายคลึงกับปอดของคน หลอดลมประกอบด้วยกระดูกอ่อนเรียงต่อกัน  และเมื่อลมเข้าสู่ปอดทำให้ปอดขยายตัวมีปริมาตรเพิ่มมากขึ้น

💚 ลำดับการเคลื่อนที่ของอากาศเข้าสู่ปอด ได้แก่ โพรงจมูก คอหอย กล่องเสียง หลอดลมฝอย ถุงลม ปอด

💚 ปลายสุดของหลอดลมฝอยเป็นถุงลมขนาดเล็กๆ ที่มีผนังบาง คือ  alveolus

💚 ท่อลม หลอดลม และหลอดลมฝอยตอนต้นประกอบด้วยกระดูกอ่อน เพื่อป้องกันการแฟบจากแรงกดของเนื้อเยื่อรอบๆ

💚 ผนังด้านในของท่อลมที่ทำหน้าที่สร้างเมือกและคอยดักจับสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปในถุงลมบุด้วยเซลล์บุผิวที่มีซิเลีย

💚 ตั๊กแตน กุ้ง มีระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรเปิด ส่วน ไส้เดือนดิน แมว มีระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรปิด 

💚 โคโรนารีอาร์เตอรีนำเลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดอาร์เตอรีนำเลือดจากหัวใจไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ซุพีเรียเวนาคาวานำเลือดมาจากส่วนหัวและแขน หลอดเลือดเวนนำเลือดจากส่วนต่างๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจ้

💚 ลิ้นไตรคัสปิดกั้นระหว่างเอเตรียมขวาและเวนตริเคิลขวา ลิ้นพัลโมนารีเซมิลูนาร์กั้นระหว่างเวนตริเคิลขวากับพัลโมนารีอาร์เตอรี ลิ้นเอออร์ติกเซมิลูนาร์กั้นระหว่างเวนตริเคิลซ้ายกับเอออร์ตา ลิ้นไบคัสปิดกั้นระหว่างเอเตรียมซ้ายกับเวนตริเคิลซ้าย

💚 เอออร์ตาเป็นหลอดเลือดอาร์เตอรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อาร์เตอริโอลเป็นหลอดเลือดอาร์เตอรีที่มีขนาดเล็กที่สุด  หลอดเลือดอาร์เตอรีมีผนังหนากว่าหลอดเลือดเวน เวนูลเป็นหลอดเลือดเวนที่มีขนาดเล็กที่สุด



หมั่นทบทวนบ่อยๆ นะคะ สู้ๆ ค่ะ 




ทบทวนก่อนสอบกลางภาค

ทบทวนก่อนสอบกลางภาค



💖 อาหารที่ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่ได้จะเคลื่อนต่อไปที่ ลำไส้ใหญ่

💖 ไฮดราและพลานาเรียมีทางเดินอาหารไม่สมบูรณ์ กินอาหารและ   ขับกากอาหารออกทางเดียวกัน

💖 การย่อยอาหารของมนุษย์ประกอบด้วย การย่อย 2 แบบ ได้แก่ การย่อยเชิงกล และการย่อยทางเคมี 

💖 การย่อยเชิงกลเป็นการบดอาหารให้มีขนาดเล็กลง

💖 การย่อยทางเคมีเป็นการย่อยโดยอาศัยเอนไซม์

💖 แมลงเเลกเปลี่ยนแก๊สผ่านท่อลม

💖 ปลาเเลกเปลี่ยนแก๊สผ่านเหงือก

💖 กบเเลกเปลี่ยนแก๊สผ่านปอด และผิวหนัง 

💖 การแลกเปลี่ยนแก๊สเกิดขึ้นที่หลอดลมฝอยเป็นตำแหน่งแรก

💖 เมื่อหายใจออกกระบังลมจะคลายตัว ยกตัวสูงขึ้น 

💖 ฮีโมลิมฟ์คือเลือด แลน้ำเหลือง

💕 ฮีโมซิลคือช่องว่างระหว่างเนื้อเยื่อที่เป็นทางผ่านของฮีโมลิมฟ์


สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ